ร้านขายของค้าสินค้าโดยมากมักมีผู้ขายซึ่งเป็นผู้ประดิษฐ์การงานเอง หรือไม่ก็บางร้านค้าอาจมีการจ้างพนักงานขายของโดยเฉพาะเพื่อปฏิบัติหน้าที่คอยชักนำให้คำเสนอต่างๆ แก่ผู้ซื้อ หากเป็นร้านค้าขนาดใหญ่มีผลิตภัณฑ์หลายอย่างย่อมทำให้ต้องมีเสมียนจัดจำหน่ายส่วนใหญ่ การจัดตกแต่งภายในร้านจึงมีความหมายมาก ถูกคำนึงถึงสิ่งต่อจากนี้ไป
แสงด้านในร้านค้า สมมติเราเข้าไปในร้านขายของสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นร้านลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ เช่น 7-Eleven เราจะเห็นได้ว่ามีความรุ่งเรืองทั่วทั้งร้านค้าจากแสงไฟฟ้าที่ร้านได้ติดเอาไว้ แสงสว่างธรรมชาติ หรือแสงแดดมักไม่เพียงพอและทำความเสียหายให้แก่สินค้า ฉะนั้นการใช้แสงไฟฟ้า แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็โน้มน้าวลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าได้มากกว่าร้านที่ดูมืดๆ หากของซื้อของขายตัวใดหมายให้ผู้บริโภคสนใจเป็นพิเศษควรใช้สปอร์ตไลท์ส่องเรียกความเอาใจใส่แสงไฟ ชั้นในร้านค้าควรคัดเลือกใช้แสงจากหลอดฟลูโอเรสเซนท์ แต่ก่อนตกลงใจเรื่องแสงสว่างควรรู้ว่าค่าไฟฟ้าจะเป็นสักเท่าไหน และใช้ไฟฟ้ากี่ดวงถึงจะคุ้มค่ากับการจัดจำหน่ายของซื้อของขายด้วย
การตกแต่งสีข้างนอกพร้อมทั้งข้างในร้าน เว้นแต่การทาสีร้านขายของให้เปล่งปลั่งสว่างงามตาแล้ว สีของบรรจุภัณฑ์และตัวสินค้าก็สามารถนำมาตกแต่งให้ร้านค้าดูดีขึ้นได้ จะต้องจัดชั้นวางโดยให้ผู้คนเห็นผลิตภัณฑ์ แจ่มกระจ่างและน่าพึงพอใจ แต่ก็ไม่ควรนำของซื้อของขายที่ต่างชนิดกันแต่สีเดียวกันมาวางไว้ชุมนุมกัน เพราะจะทำให้ดูเหมือนกันไปหมด จึงควรกั้นแบ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสีสรรเหมือนกัน แต่ต่างชนิดกันเรียงไว้ต่อๆ กัน เพื่อให้เห็นความต่าง
การจัดวางสินค้าบริเวณทางเข้าร้าน ทำเลใกล้ ๆ ทางเข้าร้านเป็นที่เหมาะสำหรับจัดวางของซื้อของขายที่ต้องการแสดงแลกเปลี่ยนเป็นพิเศษ เพราะเป็นที่ที่ผู้ใช้ทุกคนต้องเดินผ่านเข้าออก การจัดของซื้อของขายไว้บริเวณนี้จึงทำให้ชวนมอง เป็นพิเศษพื้นที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินที่ผู้ซื้อเข้าแถวรอที่จะจ่ายเงิน ควรหาของชิ้นเล็กๆ ที่ผู้ซื้ออาจลืมควักกระเป๋ามาจัดวางไว้